รีวิวหนัง Carol

จัดได้ว่าเป็นหนังสุดร้อนแรงที่มีโอกาสได้เข้าฉายในไทยกันด้วย สำหรับ Carol หนังที่ไปดังกระหึ่มมาที่เทศกาหนังเมืองคานส์ กับการคว้ารางวัลทั้งด้านการแสดง และรวมไปถึงตัวหนังที่ติดอันดับหนึ่ง 1 ในหนังที่ดีที่สุดของปี 2015 จากหลายสื่อสำนักพิมพ์ โดยแน่นอนว่าหลังจากที่ตัวผมได้มีโอกาสไปชมมาแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ แนะนำหนัง 2021

Carol เรื่องราวเกิดขึ้นในยุค 50 ณ มหานครนิวยอร์ค หญิงสาววัยยี่สิบต้น ๆ เทเรซ เบลิเว็ท (รูนี่ย์ มาร่า) เป็นเพียงเสมียนประจำห้างสรรพสินค้าคนหนึ่ง ที่ชีวิตเธอเหมือนได้รับการเติมเต็มเมื่อพบรักกับ แครอล (เคท แบลนเช็ตต์) สาวใหญ่ผู้ติดกับดักในชีวิตสมรสที่ไร้รักโดยสิ้นเชิง ความผูกพันแสนลึกซึ้งของทั้งสองก็จุดติดขึ้น ขณะเดียวกัน แครอลต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลวในชีวิตสมรสกับ ฮาร์จ และความสัมพันธ์กับ แอ็บบี เพื่อนสนิทเธอ

ตัวหนังเป็นผลงานการกำกับของ ท็อดด์ เฮย์เนส ซึ่งสร้างมาจากนิยายในชื่อเดียวกันของ แพทริเซีย ฮายสมิธ โดยหลังจากที่เราเคยมีหนังเลสเบี้ยที่สำรวจประเด็นอย่างร้อนแรงทั้ง Blue is the Warmest Colour หรือรวมไปถึงหนังรักกุ๊กกิ๊กอย่าง Life Partners แต่เชื่อเลยว่ายังไม่มีหนังเลสเบี้ยนเรื่องไหน ที่จะทำปฏิกิริยาต่อคนดูทั้งเพศชาย และ เพศหญิง ได้รุนแรงเท่ากับ Carol อีกแล้ว เพราะนี่คือหนังที่กล้าบอกได้เต็มปากเลยว่าสามารถความเป็น Movie is Magic ออกมาได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นทั้งความงดงามในด้านของฝีมือการแสดง และ ภาษาของภาพยนตร์เอง ที่ต่างถูกกำกับและผลิตออกมาราวกับร่ายมนตร์ให้คนดูตื่นตะลึงไปกับความรัก และ ความลุ่มหลง ได้อย่างโงหัวไม่ขึ้น

ซึ่งสิ่งที่รุนแรงที่สุดของตัวหนัง คงเป็นการตั้งคำถามที่ใหญ่หลวงที่สุดว่า ทำไมการรักเพศเดียวกันถึงผิดแปลกในสังคม ทั้งที่ความเป็นจริงนั้น เพศเดียวกัน กลับกลายเป็นคนที่เข้าอกเข้าใจคนรักในยามทุกข์ยากได้มากที่สุด ซึ่งในขณะเดียวกันตัวหนังก็สำรวจประเด็นอีกด้วยว่า แล้วทำไมหล่ะ มนุษย์ถึงยังต้องการความรักจากเพศตรงข้ามอีกด้วย ซึ่งปัญหาความซับซ้อนในเรื่องความรักของตัวหนัง ก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างปราณีต และรวมไปถึงการวางตัวละครให้ทั้ง แครอล และ เทเรซ เปรียบเสมือนกับเป็น เลสเบี้ยนคู่แรกของโลก ในหนังเรื่องนี้ก็ต่างสร้างความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี เพราะปัญหาที่ 2 ตัวละครกำลังเจออยู่ตรงหน้า พวกเขาไม่สามารถแน่ใจว่าความรู้สึกนี้ที่มีต่อเพศเดียวกันของพวกเธอนั้น สามารถเรียกว่า ความรัก หรือเป็นเพียงความสนิทชิดเชื้อกันแน่

โดยทั้งในแง่ของการถ่ายภาพ และ โลเคชั่นเมืองนิวยอร์คยุค 50 ก็ต่างเอื้ออำนวยให้เรื่องรางเหล่านี้ออกมาในยุคของความเป็นหนังคนเมือง ที่ล้วนแต่ถูกตีกรอบอยู่ในสังคม และ ตึกแถวเป็นบล็อคๆ การที่ตัวภาพของหนังเป็นฟีล์มเกรนต่างก็ช่วยเสริมสร้างความงดงามให้แก่การเข้าถึง และสัมผัสถึงชีวิตของ 2 ตัวละครแก่คนดูได้เป็นอย่างดี

เคท แบลนเช็ตต์ ในบท แครอล ซึ่งแน่นอนว่าสามารถถ่ายทอดความงดงาม และสร้างความลุ่มหลงแบบที่ต้องหยุดหายใจได้เป็นอย่างดี แต่ที่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่าคือนักแสดงสาว รูนี่ย์ มาร่า ที่สามารถกลับมาท็อปฟอร์ม พร้อมใช้ความงดงามที่มีอยู่ของเธอได้อย่างเกินประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแง่ของแววตา, การสัมผัส และ ท่าทาง ที่ต่างออกมาในรูปแบบ ‘เล่นน้อยได้มาก’ ซึ่งแน่นอนเลยว่า เพียงแค่คำพูดบางคำ หรือการสัมผัสบางช่วง ก็สามารถทำให้คนดูรู้สึกอะไรบางอย่าง ไปกับอาการความอึดอัดของพวกเธอได้เป็นอย่างดี

โดยสรุปแล้ว ผมจึงคิดว่า Carol เป็นหนังที่งดงามมากที่สุดในการเปิดต้นปีนี้ และนี่คือหนังความรักของเพศที่ 3 เพียงไม่กี่เรื่อง ที่สามารถถ่ายทอดความรัก ออกมาได้อย่างงดงามโดยไม่ต้องบิ้วให้คนดูรู้สึกอินไปกับเรื่องราวน้ำเน่าใดๆ เพราะตัวละครทั้ง 2 ตัวของเรื่องนี้ ต่างถูกถ่ายทอดโดยนักแสดงมืออาชีพ ที่ต่างทำให้คนดูรู้สึกว่า เวทมนตร์ มีอยู่จริงอย่างปฏิเสธไม่ได้

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวหนัง : King Richard (2021)

รีวิวหนัง : Goodbye Christopher Robin

รีวิวหนัง : Two (2021) คนคู่