รีวิวหนัง เพชฌฆาต

กลับมาอีกครั้งกับการร่วมงานกันของผู้กำกับ ทอม วอลเลอร์ และคุณปู วิทยา ปานศรีงาม ที่หลังจากในเรื่องก่อนได้คว้านำชายสุพรรณหงส์กันไปแล้ว สำหรับ ศพไม่เงียบ ซึ่งในผลงานใหม่ของเขาอย่าง เพชฌฆาต ก็ได้กำลังจะเข้าฉายโรงกันแล้ว ซึ่งนอกจากนี้ยังมีนักแสดงอย่าง คุณต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, เดวิด อัศวนนท์ และ นิรุตติ์ ศิริจรรยา ร่วมจอด้วย ซีรี่ย์เกาหลี

เรื่องราวของมือประหารคนสุดท้ายของประเทศไทยที่ปลิดชีวิตนักโทษด้วยวิธีการยิงเป้า จากนักดนตรีหนุ่มผู้หลงใหลใน เพลงร็อคแอนด์โรล เขาได้เลือกเส้นทางชีวิตเพื่อความมั่นคงขอ­งครอบครัวที่เขารัก อาชีพที่เกิดจากความบังเอิญ เบื้องลึกความจริงที่น่ากลัวของการประหารช­ี วิตนักโทษคนแล้วคนเล่า ความรักและครอบครัวที่สวยงาม กรรมดีที่เคยก่อกรรมชั่วที่มองไม่เห็น มันคือวัฎจักรแห่งกรรมที่ไม่มีผู้ใดจะรู้ไ­ด้ดีเท่าผู้ที่เหนี่ยวไกปืนเพื่อจบชีวิตนั­กโทษในแดนประหารเท่านั้น นี่คือตำนานเรื่องราวชีวิตของ “เชาวเรศน์” เพชฌฆาตคนสุดท้าย ณ แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง

ซึ่งเอาเข้าจริงๆถ้ามองจากเนื้อผ้าตัวหนังจะเห็นได้เลยว่าตัวหนังจะมีกลิ่นของความเป็น ศพไม่เงียบ อยู่เช่นเคย กับการที่ผกก. ทอม วอลเลอร์ ดูเหมือนจะค่อนข้างสนใจในเรื่องของความเชื่อ บาป บุญ คุณ โทษ ในศาสนาพุทธ และสิ่งที่คนไทยมีต่อมันมากๆ นั่นเองทำให้ผลงานของเขาอย่าง ศพไม่เงียบ ดูเหมือนจะเป็นหนังที่เล่นเกี่ยวกับศาสนาได้อย่างไปไกลกว่าหนังไทยเรื่องอื่นๆ คงเป็นเพราะส่วนนึงมันมาจากสายตาของฝรั่ง ที่มองเรื่องพวกนี้ จึงไม่ต้องไปมัวคิดถึงตามหลักที่เราๆเคยได้ยิน หรือเคยได้สอนมา ซึ่งนั่นก็เช่นเดียวกันกับ เพชฌฆาต ที่ยังคงมาในแนวไม่ต่างกัน กับการหยิบเอาเรื่อง บาป และ บุญ มาชั่งน้ำหนักเถียงกันกับอาชีพ เพชฌฆาต ที่อยู่คู่กับเมืองไทยมาอย่างยาวนาน

โดยการหยิบเอาเรื่องแบบนี้มาทำเป็นหนัง ถือว่าต้องเป็นการรักษาอย่างหนักหน่วงที่จะไม่เอนข้างไปให้น้ำหนักกับ บาป หรือ บุญ มากจนเกินไป และนั่นก็เป็นสิ่งที่ เพชฌฆาต ค่อนข้างทำสำเร็จในขณะนึง กับการที่หนังไม่ได้ตัดสินถึง อาชีพ หรือ ตัวบุคคล ในหนังเรื่องนี้ว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันดี หรือ ไม่ เขาจะได้ไป นรก หรือ สวรรค์ แต่สิ่งที่หนังแสดงให้เห็นคือสภาวะรอบข้างที่มีต่ออาชีพ หน้าที่ นี้ ทั้งที่แท้จริงแล้วสิ่งเขาทำอยู่ก็ไม่ต่างจากอาชีพ อย่างคนฆ่าสัตว์ หรือนั่งโต๊ะบัญชี เพราะในเมื่อเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำมันเป็น อาชีพ และ หน้าที่ เพราะฉะนั้นอย่างนี้ใครจะมาตัดสินได้ไหมว่า มันบาปหรือไม่ ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ตัวหนังพยายามเล่นประคับครองมาตลอดเรื่อง ผ่านทั้งคนในครอบครัวของคุณ เชาวเรศน์ และตัวละครรอบข้างตั้งแต่ เพื่อนบ้าน ยัน พระ และมันก็ออกค่อนข้างโอเคทีเดียวกับลักษณะในงานตัดต่อระหว่างวัยหลงเสียงดนตรี กับวัยที่ต้องมาได้ยินเสียงไกปืน

และแน่นอนว่างานของผกก.คนนี้ สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันคงหนีไม่พ้นงานของการถ่ายภาพ ที่เรียกได้ว่าสามารถนอนรอรางวัล สุพรรณหงส์ ในสาขานี้ได้เลย เช่นเดียวกับงานดนตรีประกอบ และ การตัดต่อ ซึ่งในด้านของการแสดงทั้งคุณปู วิทยา และ คุณต่าย เพ็ญพักตร์ ก็สามารถสร้างสรรค์ตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ คุณปู วิทยา ที่สามารถควบคุมน้ำหนักตัวละครของ เชาว์เรศน์ ทั้งในแง่ของ เพชฌฆาตเลือดเย็น และคนปกติธรรมดาได้อย่างเสมอภาค

แต่ก็น่าเสียดายเล็กน้อย ที่ในขณะที่โทนของหนังค่อนข้างจะเข้มเครียด และ หดหู่ ตัวหนังกลับค่อนข้างมีฉากที่ดูตลกและน่ารำคาญไปในหลายส่วน หนึ่งในคือการปรากฏตัวของยมทูตอย่าง เดวิด อัศวนนท์ ที่ถึงแม้จะเพิ่มมิติให้แก่ตัวละครของคุณ เชาวเรศน์ แต่ในขณะเดียวตัวหนังก็กลับมีหลายฉากที่การปรากฏตัวของเขาดูเหม่งๆ ซึ่งนอกจากนั้นหนังยังมีบทพูดหลายตอนที่ค่อนข้างดูเป็นละครเกินในความจริงอยู่บ้างนั่นเองครับ

ซึ่งโดยรวมแล้วผมคิดว่า เพชฌฆาต ก็จัดได้ว่าเป็นหนังไทย ที่พูดเรื่อง ศาสนา บาป บุญ ผ่านมุมมองของฝรั่งได้โอเคเลย ถึงแม้อาจจะมีจุดบกพร่องไปอยู่บางส่วน แต่ถ้าหากใครที่ชื่นชอบผลงานเก่าอย่าง ศพไม่เงียบ หรืออยากหาหนังไทยในแนวทางแปลกใหม่ หนังเรื่องนี้ก็ไม่ควรพลาดครับ

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวหนัง : King Richard (2021)

รีวิวหนัง : Goodbye Christopher Robin

รีวิวหนัง : Two (2021) คนคู่