รีวิวหนัง : No Time to Die พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ (2021)

No Time to Die พยัคฆ์ร้ายฝ่าเวลามรณะ (2021) ภาพยนต์มหากาพย์กับการปิดตำนานเจมส์ บอนด์ ของ แดเนียล เคร็ก ที่สมเกียรติเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้เป็นแค่เพียงหนังแอคชั่นภารกิจอีกต่อไป แต่ใส่หัวใจที่เป็นชิ้นเป็นอันเข้ามาเติมเต็มเรื่องราวในมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น จะว่าไปแล้วภาคนี้ก็ถือว่าค่อนข้างดี ดีเป็นรองแค่เพียง "Skyfall" เมื่อเปรียบเทียบจากหนัง 007 ของแดเนียลทั้งหมด พอถึงในคราวที่ต้องร่ำลาก็น่าใจหายเบาๆ แต่การปิดฉากในครั้งนี้ของบอนด์ ที่ชื่อว่า แดเนียล เคร็ก เป็นหนึ่งในซีนที่น่าจดจำไปอีกยาวนาน

สำหรับในภาค No Time to Die หนังลำดับที่ 25 ของ เจมส์ บอนด์ เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ บอนด์ ที่กำลังสนุกไปกับชีวิตอันเงียบสงบในจาไมก้า แต่ช่วงเวลาพักผ่อนนั้นก็เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เพราะ เฟลิกซ์ ไลเทอร์ เพื่อนเก่าจากซีไอเอ ได้มาขอให้เขาช่วยทำงานให้ เป้าหมายคือช่วยชีวิตนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกลักพาตัวไป ซึ่งเหตุการณ์นี้ดูเลวร้ายกว่าที่คิดไว้ บอนด์ต้องเข้าไปเผชิญกับศัตรูลึกลับที่ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่สุดอันตรายเป็นอาวุธ

ในภาคนี้มีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างยาวนาน กับเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ เกือบจะย่าง 3 ชั่วโมง แต่การเป็นหนังที่ไม่ค่อยทำให้รู้สึกน่าเบื่ออะไรเลย เพราะเรื่องราวเข้มข้นที่ชวนในจดจ่ออยู่บนจอ เรื่องความยาวของหนังแทบจะไม่เป็นอุปสรรคอะไร ในขณะที่หนังปล่อยให้ แดเนียล โดดเด่นขนาดนี้ แน่นอนว่าบทอื่นๆ ก็ต้องปรับลดทอนแอร์ไทม์ลงมาเป็นธรรมดา แต่นับว่ายังโชคดีที่ภาคนี้ส่วนใหญ่มีแต่ตัวละครที่ผู้ชมคุ้นเคยจากภาคก่อนๆ หน้านี้ดีอยู่แล้ว ทำให้ทุกอย่างดูไหลลื่นดี

"ลาชานา ลินช์" ที่มาสวมบทเป็น 007 คนใหม่ ก็เป็นคาแรกเตอร์ที่ปูทางเอาไว้ได้น่าสนใจไม่เบา เป็นสายลับสาวที่ดุดันและขึงขัง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเต็มไปด้วยความเบ๊อะบ๊ะผสมผสานออกมาได้ดี "เลอา แซดู" ที่หนังภาคนี้ค่อนข้างฉายสปอต์ไลต์ใส่เธอเต็มๆ ก็ให้การแสดงในชนิดน้อยแต่มาก มีซีนไม่มากแต่โผล่มาทีไรก็ห้ามกะพริบตาเลยทีเดียว เอาเป็นว่า No Time to Die เป็นหนังเจมส์ บอนด์ ภาคที่แทบไม่มีอะไรให้ติเลย แต่ไม่ใช่ว่าหนังจะสมบูรณ์แบบขนาดนั้น ก็ยังมีบางจุดที่หนังยังขาดๆ เกินๆ และไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่เพราะความทรงพลังทางการแสดงของแดเนียล กับการเล่าเรื่องและบทหนังที่ค่อนข้างเอาอยู่ ทำให้คนดูมองข้ามจุดด้อยต่างๆ ไปอย่างไม่ต้องเป็นกังวลเป็นอีกหนึ่งหนังใหม่ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง 

สนับสนุนข้อมูลโดย Netflix

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวหนัง : King Richard (2021)

รีวิวหนัง : Goodbye Christopher Robin

รีวิวหนัง : Two (2021) คนคู่