รีวิวหนัง : Sleeping Beauty

ตอนแรกก็นึกว่าจะเงียบหายจากโปรแกรมฉายบ้านเราไปเสียแล้ว กับหนังที่โชว์การแสดงแบบเปลื้องตัวของนางเอกสาว เอมิลี่ บราวนิ่ง ในเรื่องนี้ ที่ในท้ายสุดก็เข้าฉายให้เราชมกันในเฉพาะเครือ Apex ด้วยเรท ฉ.20- โดยก่อนที่จะดูหนังเรื่องนี้ก็คาดหวังพอสมควร ส่วนตัวหนังในความเห็นผมเป็นอย่างไรไปอ่านเลยครับ

?เธอจะเข้าสู่นิทรารมณ์ และเธอก็จะตื่นขึ้นจากการหลับไหล ราวกับว่าเวลาเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน? ลูซี สาวน้อยผู้หุนหันพลันแล่น และถูกตามหลอนด้วยความตาย เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสาว ผู้รับงานเป็นเจ้าหญิงนิทรา ใน Sleeping Beauty Chamber ชายชราเสาะแสวงหาประสบการณ์เร้าอารมณ์จากการยอมจำนนอย่างไร้เงื่อนไขของลูซี งานที่สั่นประสาทนี้เริ่มคืบคลานเข้าครอบงำชีวิตประจำวันของลูซี และเธอก็เริ่มเกิดความกระหายใคร่รู้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอยามเมื่อเธอหลับไหล และคอยติดตามปมปริศนาเหล่านี้ได้ในโรงภาพยนตร์เฉพาะเครือ Apex ที่สยามเท่านั้นนะครับ

Sleeping Beauty กำกับการแสดงโดย จูเลียร์ ลีห์ ที่เรียกได้ว่านี้เป็นผลงานชิ้นแรกในชีวิตของเธอก็ว่าได้ โดยส่วนตัวนั้นคาดหวังกับหนังเรื่องนี้ไว้มากพอสมควร เนื่องจากในตัวอย่างหนังนั้นได้นำเอาคำชมมากมายมาตัดต่อไว้ในตัวอย่างหนัง พร้อมกับหนังได้ เจน แคมเปียน มาช่วยคุมบังเหียนไว้อีกด้วย แต่เอาเข้าจริงๆนั้น ผมกลับผิดหวังกับ Sleeping Beauty เพราะจริงๆแล้วหนังกลับไม่ได้มีอะไรพิเศษ นอกจาก ความอยากปล่อยของ ของหนังเรื่องแรกของผู้กำกับ ลีห์ พร้อมกับการแสดงของ นักแสดงสาว เบบี้ ดอลล์ อย่าง เอมิลี่ บราวนิ่ง ที่ต้องขอชมเลยว่าในเรื่องนี้นั้น เธอสามารถอินเข้ากับบทของ ลูซี่ ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นฉากอารมณ์นิ่งๆ หรือ แม้แต่ฉากอารมณ์กดดันเล็กๆของหนัง แถมสำหรับคุณผู้ชายนั้นหนังเรื่องนี้คงถูกใจเรือนร่างของเธอไม่น้อย แนะนำหนัง 2021

รวมไปถึงอารมณ์ของหนัง ที่น่าจะถูกใจผู้ชมเฉพาะบางกลุ่มกลับอารมณ์ความนิ่ง เงียบ และ สุขุม ของหนังเรื่อง ที่ผู้กำกับพยายามจะใส่ของให้อารมณ์คนดูนั้นได้อินไปกับคำว่า เจ้าหญิงนิทรา แต่ก็น่าเสียดายเมื่อผู้กำกับ ลีห์ นั้นดันไปให้ความใส่ใจในด้านของอารมณ์ศิลปะของเธอมากเสียจนเกินไป แต่กลับไม่ได้หันมาให้ความใส่ใจในด้านของบท และ เนื้อหา หนังเลยสักนิด สุดท้ายนั้น Sleeping Beauty จึงออกมากลายเป็นเพียงหนังดราม่าอารมณ์นิ่งๆเรื่องนึง ที่ดูแล้วไม่น่าจดจำเลยสักนิดเดีย (ยกเว้นแต่เรือนร่าง และ การแสดงของสาวน้อย เบบี่ ดอลล์ อย่าง เอมิลี่ บราวนิ่ง เพียงอย่างเดียว)

เพราะว่า Sleeping Beauty นั้นอาจจะเป็นหนังเรื่องแรกของปีที่ผมพูดได้เลยว่า ดูแล้วไม่สามารถจับต้องเนื้อหาอะไรของหนังได้เลย เพราะบทหนังทั้งหมดมันดูแล้ว ว่างเปล่า ไร้ทั้งเสน่ห์ และ ไร้ทั้งอารมณ์ความน่าติดตามของหนังโดยสิ้นเชิง ถึงแม้หนังจะพยายามใส่ทั้งด้านประเด็นเรื่อง ความรัก และ ความเห็นแก่ตัว ของคนในโลกมามากแค่ไหนก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดของหนังแล้ว หนังก็กลับเอาตัวไม่รอดในด้านของประเด็นเนื้อหา สาระ สักเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นด้านของปมปัญหานางเอก และ ทั้งด้านหนี้สินการงานทั้งหลาย ที่ดูแล้วหลายๆอย่างของหนังก็ชักจะไม่ค่อยเคลียร์ แต่หนังพยายามจะกลบมันลงไป

และสุดท้ายที่ดูแล้วไม่กลืนลงไปกับหนังคือการแสดงของนักแสดงสมทบทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น เรเชล เบลค ที่เรื่องนี้ดูแล้วการแสดงไม่ค่อยเหมาะกับบทหนังที่นิ่งๆ เงียบ สักเท่าไหร่ แถมในบางฉากยังแอบดูแล้ว โอเว่อร์ แอ็คติ้ง ไปอยู่มากพอสมควร และโดยรวมแล้ว ถ้าหากคุณเป็นคอหนังดราม่า หวังว่าจะเจอกับหนังดราม่าดีๆ มีเนื้อหาสาระแน่นๆ พร้อมกับสไตล์ความอาร์ทของผู้กำกับใน Sleeping Beauty ก็ขอให้คุณคิดใหม่เพราะจริงๆแล้วหนังกลับอุดมไปด้วยความว่างเปล่า ออกแนวขายลายเซ็น และ การแสดงเสียมากกว่าที่หนังจะมาให้ความสนใจของบท (แต่ถ้าหนุ่มๆอยากดูเรือนร่างเรื่องนี้ก็ไม่ควรพลาด)

สรุปแล้ว Sleeping Beauty ถือได้ว่าเป็นหนังดราม่าอีกเรื่องนึงที่ดูแล้วมีจุดขายอยู่ที่ การแสดง และ ด้านของอารมณ์นิ่งๆ เงียบๆ และ อาร์ทๆ ของผู้กำกับ และ ทีมผู้สร้าง แต่ถ้าหากให้มองลึกลงไปตรงส่วนของบทนั้นจะพบแต่ความว่างเปล่า และ ความน่าเบื่อ ของหนังอยู่มากพอสมควรกับเจ้าหญิงนิทราเวอร์ชั่นนี้

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวหนัง : King Richard (2021)

รีวิวหนัง : Goodbye Christopher Robin

รีวิวหนัง : Two (2021) คนคู่